เปลี่ยนวิกฤติ...ให้เป็นโอกาส...
สำนักพิมพ์ DMG... โดยคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย...
จัดงานรวมพลคน DO D...ปันน้ำใจ...ช่วยภัยน้ำท่วม...
มีกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัย...เยอะแยะมากมาย...
แล้วเชิญผมไปพูด...เรื่อง...
“เปลี่ยนหัวใจผู้ประสบภัย...ให้เป็นผู้กู้วิกฤติ...”
คงเห็นว่าชีวิตผม...หายนะบ่อย...
ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง...แต่ยังเอาชีวิตรอดได้...
จึงเชิญให้มาพูดในหัวข้อนี้...
ผู้คนมาร่วมงาน...หลายร้อยคน...
เดินกันขวักไขว่...ทำกิจกรรมกันมือเป็นระวิง...
ถึงตอนที่ผมพูด...กิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็ยังทำกันต่อ...
มีคนมาฟังผมพูดสัก 10 กว่าคนได้มั้ง...
ทีแรกตัดสินใจจะไม่พูด...
เพราะเอาเสื้อผ้า...ชุดวิทยากร...หนังสือ...มาร่วมประมูลด้วย...
กะว่าจะโดดเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาซะเลย...
แต่พอมองหน้าคนฟัง...
เห็นแววตาของความตั้งใจ...ที่จะมาฟัง...
ก็เลยใจอ่อน...
ตัดสินใจ...ตะโกนแข่งกับเสียงทำกิจกรรม...
พูดให้คนตั้งใจฟัง 10 กว่าคนได้ฟัง...จนจบ...
เนื้อหาน่าสนใจ...และมีประโยชน์ครับ...
เลยคิดถึงแฟนหนังสือของผม...ว่าไม่น่าจะพลาดโอกาสในการรับข้อมูลนี้...
จึงตัดสินใจ...เอามาเขียน...เล่าเรื่องให้ได้อ่านกัน...
ลองมาดูครับว่า...เนื้อหาที่บรรยาย...มันมีประโยชน์ต่อชีวิตเรายังไง...
เปลี่ยนหัวใจผู้ประสบภัย...ให้เป็นผู้กู้วิกฤติ...
ประการแรกเลยที่จะต้องพูดถึง...ก็คือ...
การที่เราจะเป็นผู้กู้วิกฤติได้...
เราต้องพาตัวเอง...ให้รอดจากวิกฤติให้ได้ก่อน...
ถ้าเรายังจมปลักอยู่ในวิกฤติ...
เราไม่มีทางช่วยเหลือใครได้...
คนที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้...
1. ต้องมีสภาพจิตใจดี...และแข็งแกร่ง...
- สุขภาพจิตดี...มีไฟ...มีพลังใจเต็มเปี่ยม...พร้อมที่จะเผชิญปัญหา...
2. ต้องมีเศรษฐกิจดี...
- มีรายได้พออยู่...พอกิน...โดยไม่ต้องพึ่งใคร...
ถ้าตัวเราเอง...ยังตกใจ...ร้องไห้...หวั่นไหวต่อวิกฤติ...
ช่วยตัวเองไม่ได้...รอความช่วยเหลือ...รอของบริจาคอยู่...
ไม่ต้องคิดไปช่วยเหลือใคร...หรอกครับ...
ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด...แล้วจะไปช่วยเหลือใครได้...
คนที่มีสภาพอย่างนี้เขาเรียกว่า...
พาตัวเองไปจมอยู่กับวิกฤติ...
ทำไม... คนส่วนใหญ่...ถึงพาตัวเองไปจมอยู่ในวิกฤติ...?
เมื่อเกิดวิกฤติขึ้น...
เขาประเมินสถานการณ์ปลอบใจตัวเอง...
คือคิดว่าเหตุการณ์ที่มันจะเกิด...
คงไม่เลวร้าย...ไม่หนักหนาอะไร...
เช่น ตอนนี้เรากำลังประสบวิกฤติน้ำท่วมกันค่อนประเทศ...
คนพวกนี้ก็จะประเมินว่า...
น้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมดา...มีทุกปีแหละ...
คงท่วมนิดหน่อย...แค่ 30-50 ซม...เท่านั้น...
เขาก็วางแผน...เตรียมใจ...เตรียมการรับมือ...
น้ำที่จะท่วม 50 ซม...
แต่พอน้ำมาจริง...มาพรวดเดียวครั้งแรก... 80 ซม...
ตกใจ...ขวัญเสีย...สับสนอลหม่าน...
เตรียมรับมือ 50 ซม... มา 80 ซม...
ข้าวของบางส่วนเสียหาย...จิตใจเศร้าหมอง...เสียดายของที่เสีย...
ต้องอพยพกันใหม่อีกรอบ...ยกของหนีน้ำกันอีกรอบ...
คราวนี้...คาดว่ามันจะมาประมาณ 1 เมตร...
ยกทรัพย์สินมีค่า...ให้สูงเกิน 1 เมตร...
น้ำระลอก 2 มาพรวดเดียว...เมตรครึ่ง...
ตกใจ...ขวัญเสีย...สับสนอลหม่านอีกรอบ...
ข้าวของเสียหาย...อีกรอบ...
รถ...จมน้ำ...TV...ตู้เย็น...ที่หลับที่นอน...จมน้ำเสียหาย...
ร้องไห้คร่ำครวญ...เสียใจ...เสียดาย...เป็นครั่งที่ 3
กลับมาย้ายข้าวของกันอีกรอบ...
คราวนี้ย้ายขึ้นสูง... 2 เมตรเลย...
สับสน...โกลาหล...วุ่นวายกันทั้งครอบครัว...
ย้ายของเสร็จ...ก็มานั่งลุ้นกันต่อว่า...
น้ำมันจะขึ้นสูงกว่า 2 เมตรไหม...?
ถ้าสูงกว่า 2 เมตร...ต้องตกใจกันอีกรอบ...
ต้องขวัญเสียกันอีกรอบ...ต้องเดือดร้อนโกลาหลกันอีกรอบ...
ทุกวันที่นั่งดูระดับน้ำ...
วันนี้น้ำสูงขึ้น 10 ซม... ทุกข์อีกแล้ว...วิตกกังวลอีกแล้ว...
วันรุ่งขึ้นน้ำสูงอีก 10 ซม...ทุกข์อีกแล้ว...วิตกกังวลอีกแล้ว...
เตรียมย้ายกันอีกแล้ว...
เป็นอย่างนี้ทุกวัน...ทุกครั้งที่น้ำไหลเข้ามาเพิ่ม...ความสูงเพิ่มขึ้น...
จะตกใจทุกวัน...ยุ่ง...วุ่นวาย...โกลาหลทุกวัน...ทุกข์ทรมานหัวใจทุกวัน...
คนที่คิดแบบนี้...จะจมอยู่กับวิกฤติ...
เจ็บปวดซ้ำซาก...แก้ปัญหาซ้ำซาก...
แล้วปัญหาก็ไม่จบไม่สิ้น...
ชีวิตทั้งชีวิต...ก็หายนะไปพร้อมกับวิกฤติ...
สาเหตุเป็นเพราะ...
=> เขาคิดไม่เป็น...เขาแก้ปัญหาไม่เป็นครับ...
วิธีการพาตัวเอง...ให้รอดพ้นจากวิกฤติ...
เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นในชีวิต...
ประเมินว่า...สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่มันจะเกิดกับเรา...มากแค่ไหน...?
แล้วทำใจยอมรับ...กับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด...
วางแผน...เตรียมการรับมือ...หาวิธีแก้ปัญหา...
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ตัวอย่างเช่น...
เกิดวิกฤติการณ์น้ำท่วมมหาวิปโยคในประเทศไทย...ปัจจุบันนี้...
บ้านผม...อยู่ตรง The Mall งามวงศ์วาน...
ก็ประเมินว่า...เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับผม...
มันมากแค่ไหน...?
ผมประเมินว่า...เลวร้ายที่สุด...
น้ำจะท่วมสูง... 2 เมตร...
ผมก็จัดการ...ย้ายทรัพย์สินที่มีค่าทั้งหมด...
ให้สูง... 2 เมตรครี่ง...
อะไรที่สำคัญมากๆ...ย้ายไปไว้ที่คอนโดชั้น 19...
อะไรที่ย้ายไม่ได้...
ทำใจยอมรับเลยว่า...ไอ้ที่อยู่ต่ำกว่า 2 เมตร...
มันต้องเสียหาย...และสูญเสียแน่นอน...
ตัดใจ...ทิ้งมันไป...
เดี๋ยวพอน้ำลดแล้ว...ไปหาเอาใหม่...ไปซื้อเอาใหม่...
พอสรุปสถานการณ์ได้ดังนี้แล้ว...
“ เสียใจแค่ครั้งเดียว...เสียดายแค่ครั้งเดียว...ทำงานแค่ครั้งเดียว...”
วิกฤติที่เกิดขึ้นจริง...
น้ำไหลเข้ามา...ครั้งแรก... 30 ซม...
ผมยิ้ม...มีความสุข...
ครั้งที่ 2...ไหลเข้ามาสูงขึ้นเป็น 50 ซม...
ผมยังคงยิ้ม...อย่างมีความสุข...
ครั้งที่ 3...น้ำเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1 เมตร...
ผมยังคงนั่งดูเหตุการณ์วิกฤติน้ำท่วม...อย่างมีความสุข...
เพราะอะไรครับ...
เราคาดว่าน้ำจะท่วม 2 เมตร...
- ทำใจสูญเสีย 2 เมตร...
- ย้ายของหนีน้ำสูง 2 เมตรครึ่ง...
- เตรียมแผนสู้น้ำท่วม 2 เมตร...
น้ำมาจริงแค่เมตรเดียว...
ผมสูญเสียแค่ครึ่งเดียว...กับที่เตรียมใจไว้...
ผมทำใจสูญเสีย 2 เมตร...สูญเสียจริงเมตรดียว...
ผมได้กำไรอีกตั้งครึ่ง...
จะไม่ให้ผมดีใจ...ในวิกฤติน้ำท่วมได้ยังไง...?
คนอื่นเขาทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์น้ำท่วม…
แต่…เรากำลังมีความสุข…
น้ำท่วมเท่ากัน…อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน…
คนคิดไม่เป็น…ทุกข์ทรมาน…
คนคิดเป็น…มีความสุข...
พลิกสถานการณ์…ด้วยปัญญา…
ผมเตรียมการณ์ไว้สู้น้ำ 2 เมตร...
เตรียมการเสร็จ...
ก็ย้ายไปอยู่คอนโด...ชั้น 19...
อยากไปไหนก็ไป...อยากทำอะไรก็ทำ...
ยังไปทำงานได้ตามปกติ...
ยังคงหาเงินได้ตามปกติ...
ใช้ชีวิต...อย่างคนปกติ...
พอน้ำขึ้นเต็มที่...เราก็กลับมาดู...
น้ำมาแค่เมตรเดียวเอง...
ผมเตรียมการสู้น้ำไว้ 2 เมตร...
น้ำมาจริงแค่เมตรเดียว…
เตรียมไว้ 100%...มาแค่ 50%...
ผมมีอุปกรณ์ต่างๆที่จะสู้น้ำท่วม...เหลืออีก 50%...
อุปกรณ์ที่เหลือนี้…
ผมสามารถเอาไปช่วยผู้ประสบภัยคนอื่นได้อีก...
มีเวลาว่างมากพอ...ที่จะไปช่วยใครก็ได้...
เห็นไหมครับว่า...
เพียงแค่...คิดเป็น...
เราสามารถเปลี่ยนตัวเองจาก...
ผู้ประสบวิกฤติ...กลายเป็นผู้ช่วยกู้วิกฤติได้...
คนอื่นเขาทุกข์ทรมานใจ...เดือดร้อนไม่รู้จบ...จากวิกฤติน้ำท่วม...
แต่เรา...นั่งดูน้ำท่วมอย่างสบายใจ...
แถมมีความสุขจากการช่วยคนอื่นอีก...
การกู้วิกฤติชีวิต...หลังภัยพิบัติ...
การต่อสู้กับวิกฤติ...
จิตใจสำคัญที่สุด...
ถ้าจิตใจดี...เข้มแข็ง...ไม่ตื่นตระหนก...หวั่นไหว...
ก็จะสามารถแก้ปัญหา...และฝ่าวิกฤติของชีวิตได้...
เรื่องสำคัญที่สุดคือ...
“ อย่าเสียดาย...นมที่หกไปแล้ว...”
อย่าเสียดาย...นมที่หกไปแล้ว...คืออะไร...
เรื่องมีอยู่ว่า...
แม่บ้านอเมริกันคนหนึ่ง...
กำลังเตรียมอาหารเช้าให้ลูก 2 คน... ผัวอีก 1 คน...
ด้วยความรีบร้อน...ทำเหยือกนมสดทั้งเหยือกล้ม...
นมหกหมดเหยือก...แถมเปียกพรมที่ปูพื้นด้วย...
แม่บ้านโมโหมาก...เสียดายนมที่หก...เสียดายพรมที่เปื้อน...
ตีอก..ชกตัว...หงุดหงิด...
พาลด่าลูก...ด่าผัว...หาว่าไม่มาช่วยกันทำ...
ลูก 2 คน...ทนเสียงด่าไม่ไหว...หนีขึ้นรถไปโรงเรียน...
ผัวรีบขับรถออกจากบ้านไปทำงาน...
โดยไม่มีใครได้กินอาหารเช้า...
แม่บ้านพยายามเอาผ้ามาซับนมที่หก...
แล้วเอามาบีบใส่เหยือก...พยายามจะกู้เอานมคืนมาให้ได้มากที่สุด...
แต่นมที่ได้คืนมา...มันสกปรก...กินไม่ได้...ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้...
ทำให้แม่บ้านโมโหหนักเข้าไปอีก...
เสียเวลาซับไปตั้งเยอะแล้ว...ยังไม่ได้นมคืนมาอีก...
โมโหตัวเอง...ตำหนิตัวเองว่า...
เราไม่น่าซุ่มซ่าม...เราไม่น่าสะเพร่าเลย...ทำให้เสียของมากมาย...
นมก็หก...พรมก็เปื้อน...ลูกผัวก็ไม่ได้กินข้าว...
นึกน้อยใจตัวเอง...เหนื่อยสายตัวแทบขาด...ทุ่มเททำงาน...
แล้วยังต้องมาเสียของ...แล้วยังต้องเสียใจอีก...
นั่งร้องไห้...โศกเศร้าเสียใจ...จนถึงบ่าย...
เดล คาร์เนกี...มาเยี่ยมที่บ้าน...
เจอแม่บ้านกำลังร้องไห้...เสียใจ...ก็ถามว่า...
เป็นอะไรหรือ...?
แม่บ้านก็เล่าเรื่องที่ทำนมหกให้ฟัง...
เดล คาร์เนกี ฟังจบ...ถามแม่บ้านว่า...
นมที่หก...ราคาเท่าไหร่...
100 บาท...ค่ะ...
แล้วคุณทำงานได้เงินวันละเท่าไหร่...?
1,500 บาทค่ะ...
เดล คาร์เนกี บอกว่า...
คุณคิดผิดแล้ว...ที่มานั่งโศกเศร้าเสียใจ...กับนมที่หกไปแล้ว...
ไม่ว่าคุณจะเสียใจมากมายขนาดไหน...
นมที่หกไปแล้ว...มันก็ไม่มีทางกลับคืนมาได้...
คุณต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่…
เมื่อเราเจอเรื่องที่...อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา...
เรื่องที่เราควบคุมมันไม่ได้...
บังคับให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้...
คุณต้องปรับวิธีคิดให้เข้ากับสถานการณ์...คือ...
1. เราต้องทำใจยอมรับ...ว่าเราฝืนไม่ได้...
2. ตัดใจทิ้งมันไป...แล้วลืมเรื่องทั้งหมดเสีย...เพื่อรักษาใจเราให้เป็นปกติ
3. เริ่มต้นกลับไปทำงานใหม่ให้เต็มที่...
แล้วชีวิตคุณจะผ่านวิกฤติไปได้...อย่างปลอดภัย...
และที่สำคัญ...คุณจะพบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...หลังวิกฤติ...
วิธีแก้ปัญหาวิกฤติของชีวิต...
ทันทีที่นมหก...คุณรู้อยู่แล้วว่า...คุณไม่สามารถเอามันคืนมาได้อีก...
- ทำใจยอมรับการสูญเสีย...ทั้งหมด...
- ตัดใจทิ้งมันไป...โดยไม่เสียดาย...
- แล้วกลับไปทำงานให้เต็มที่...
คุณทำนมหก... 100 บาท...
คุณตัดสินใจทิ้งมันไป...
ทำ อารมณ์ให้ดี...ทำจิตใจให้แจ่มใส...มีกำลังใจเต็มสูบเหมือนเดิม...
เอาอาหารเท่าที่มี...ให้ลูกให้ผัวกิน...
ทุกคนจะยังมีความสุข...และกินอิ่มเหมือนเดิม...เป็นปกติ...
เสร็จแล้ว...คุณรีบออกไปทำงาน...
เย็น...คุณได้เงินกลับมา...1,500 บาท...
สามารถซื้อนมได้มากกว่าที่คุณทำหกเมื่อเช้า 15 เท่า...
ทุกคนจะมีความสฺข...โดยไม่มีใครต้องทุกข์ทรมาน...
เห็นไหมครับว่า...
จากการคิดผิดของคุณเพียงคนเดียว...
เกิดผลกระทบมากมาย...
นอกจากจะเสียนมทั้งเหยือก...100 บาท...
ยังเสียรายได้อีก 1,500 บาท...
ที่คุณมัวแต่โศกเศร้าเสียใจ...ไม่ไปทำงาน
ลูกผัว...เสียอารมณ์...เสียใจ...เสียสุขภาพ...และไม่ได้กินข้าวเช้า...
ตัวคุณเอง...ก็เสียสุขภาพจิต...และเป็นทุกข์ทั้งวัน...
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...เมื่อเกิดปัญหาหรือวิกฤติ...ในชีวิต...
ต้องคิดให้เป็น...ต้องแก้ปัญหาให้ถูกต้อง...
=> อย่าเสียดาย...นมที่หกไปแล้ว...
=> ตัดใจทิ้งมันไปเสีย
=> แล้วคุณไปทำงานใหม่...เพียงแค่วันเดียว...
คุณจะมีรายได้...มากกว่านมที่หก...ถึง 15 เท่า...
วิธีรักษาใจ...และแก้ปัญหาชีวิต...
เรารู้แล้วว่า...
ทันทีที่นมหก...ถ้าเราตัดใจ...ทิ้งมันไป...
แล้วไปทำงานตามปกติ...
ภายในไม่ช้า...คุณจะได้เงินมากกว่าที่เสียไปเป็น 10...เป็น 100 เท่า...
แต่ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่...เวลาเจอวิกฤติคือ...
=> เสียอกเสียใจ...เสียดาย...ร้องไห้คร่ำครวญ...นานเกินไป...
จนไม่มีเวลาคิด...หาวิธีการแก้ปัญหา...
เสียใจกันยาวนาน...ไม่จบไม่สิ้น...
จนไม่มีเวลาทำมาหากิน...ไม่มีเวลากู้วิกฤติ...
และที่สำคัญ...
ร้องไห้เศร้าโศกนานจนไม่มีเวลาคิด...
ไม่มีเวลาสร้างอนาคตใหม่ที่ดีกว่าเดิม...
การกู้วิกฤติชีวิต...
=> ต้องมีเป้าหมาย...ในการโศกเศร้าเสียใจ...
=> เมื่อวิกฤติเข้ามาในชีวิต...เราต้องตั้งเป้าหมายว่า...
เราจะโศกเศร้าเสียใจ...และร้องไห้กับมันกี่วัน...
แต่ขอแนะนำว่า...
=> อย่าโศกเศร้านาน...ไม่งั้นชีวิตหายนะ...
สมมติว่า...เราตั้งเป้าหมายว่า...
=> เราจะร้องไห้เสียใจกันแค่...วันเดียว...
เราก็กำหนดวันเลยว่า...
=> เราจะร้องไห้กันวันไหน...
=> ตกลงกันว่าเป็นวันอาทิตย์นี้...
เราก็บอกทุกคนในครอบครัวเลยว่า...
=> วันอาทิตย์นี้...จะเป็นวันร้องไห้แห่งชาติ...
รวบรวมทุกคนในครอบครัว...
=> มาร้องไห้โศกเศร้าเสียใจ...พร้อมกัน...
กติกาสำคัญ...คือ...
เราจะร้องไห้...โศกเศร้าเสียใจ...เสียดายสิ่งที่เราสูญเสีย...
เพียงแค่วันอาทิตย์นี้...วันเดียว...
หลังจากนั้น...
เราจะไม่ร้องไห้อีก...เราจะไม่เสียดายอีก...เราจะไม่โศกเศร้าอีก...
ร้องไห้เสร็จ...ตั้งเป้าหมายให้ชีวิต...ว่า...
- ชีวิต...เราจะเดินไปทิศทางไหนต่อ...?
- เราจะทำอะไร...?
- เราต้องการความสำเร็จยิ่งใหญ่ขนาดไหน...?
แล้วลุยทำงานให้เต็มที่...
ตามแผน...ตามเป้าหมายที่วางไว้...
ภายในไม่กี่เดือน...
คุณจะมีรายได้มากกว่าที่คุณสูญเสียไป...เป็น 100... เป็น 1,000 เท่า...
ในวิกฤติ...ถ้าคุณจ้องมองให้ดี...คุณจะเห็นโอกาส...
วิกฤติเศรษฐกิจประเทศไทย...เมื่อปี 40-41...
ธุรกิจหายนะกันทั้งประเทศ...
=>ธุรกิจของผม...ก็หายนะตามเขาไปด้วย...
แต่เดล คาร์เนกีก็บอกว่า...
ถ้าคุณมองในวิกฤตให้ดีๆ...แล้วคุณจะเห็นโอกาส...
พอเกิดวิกฤต...ผมก็ไม่ทำมาหากินอะไร...
นั่งจ้องมองวิกฤติอย่างเดียว...ทั้งวันทั้งคืน...
สิ่งที่ผมเห็นในวิกฤตครั้งนี้...ก็คือ...
1) เงินหายากมาก...
=> คนหยุดใช้เงิน...ไม่กล้าใช้เงิน...กลัวหาใหม่ไม่ได้...
2) คนเครียด...และเป็นทุกข์กันมาก...
=> ข่าวคราวที่ออกมา...มีแต่เรื่องเลวร้าย...น่ากลัว...เครียด...
ในขณะที่ผมนั่งจ้องวิกฤต...
ก็เกิดความคิด...แว๊บเข้ามาในสมอง...ว่า...
=> คนกำลังเครียด...
ถ้าเราทำให้คนคลายเครียดได้...เราก็จะได้เงิน...
=> คนกำลังกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้...ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน...
ถ้าเราบอกวิธีหาเงินให้เขาได้...เราก็รวย...
พอเห็นอย่างนั้น...ผมก็เอามานั่งคิดต่อว่า...
แล้วผมจะทำยังไง...ให้คนหายเครียด...แล้วได้เงิน..?
สุดท้ายผมตัดสินใจ...ออกหนังสือ 2 ชุด...
- ชุดที่ 1...หนังสือคลายเครียด...ชุด...ฮาสุดขีด...16 เล่ม...
- ชุดที่ 2...หนังสือบอกวิธีหาเงิน...ชุดคิดเป็น...รวยก่อน 2… เล่ม...
ยอดขายถล่มทลาย... ติด Best Seller นาน 8 เดือนติดต่อกัน...
- คนอื่น...หายนะจากวิกฤติเศรษฐกิจ...
- แต่ผมรวยมโหฬาร...จากวิกฤติ...
- เพียงเพราะ...คิดเป็น...และไม่ยอมอ่อนข้อให้กับปัญหาและอุปสรรค...
เหตุการณ์หลังวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้...
เราลองมามองพร้อมกันครับว่า...
ถ้าเราจ้องมองเข้าไปในวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้...เราจะเห็นอะไรบ้าง...
สิ่งที่เราเห็น...คือ...
1. บ้านเรือนหายนะ...
2. สถานที่ทำงาน...บริษัทห้างร้าน...หายนะ...
3. ทรัพย์สิน...รถรา...หายนะ...
4. แรงงาน...หายนะ...โรงงานปิด...คนตกงาน...
5. เศรษฐกิจของประเทศ...หายนะ...
นี่คือภาพความเลวร้าย...ที่เราเห็น...หลังวิกฤติ...
แต่เดล คาร์เนกี...บอกว่า...
ในวิกฤติ...ถ้าคุณจ้องมองดีๆ...คุณจะเห็นโอกาส...
เราลองมาจ้องมองในวิกฤตอีกทีซิครับว่า...เราจะเห็นอะไร...
=> เราเห็นโอกาสมโหฬาร...ในวิกฤตน้ำท่วมใหญ่...ครั้งนี้ครับ...
หลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่...สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ...
1. รัฐบาลต้องทุ่มเงินมหาศาล...เข้าไปแก้วิกฤติ...
เงินจะสะพัดมโหฬาร...เป็นแสนล้านบาท...
=> เราจะหยิบเงินมหาศาลนี้...มาใส่กระเป๋าเราได้ยังไง...?
2. ความต้องการอาหาร...เครื่องดื่ม...
อุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน..
มีมากมายมหาศาลทั่วประเทศ...
=> เราจะผลิตอะไรออกมาขาย...เอาเงินจากตรงนี้...
3. ทรัพย์สินที่ถูกน้ำท่วมเสียหาย...ต้องการซ่อมแซมโดยด่วน...เช่น...
-อาคารบ้านเรือน...
- ถนน...
- รถยนต์...
- อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ...
=> เราจะรับเหมาซ่อมแซมอะไรดี...
4. โรงงานต้องเร่งผลิต...
- อาหาร...เครื่องดื่ม...อุปกรณ์ไฟฟ้า...รถยนต์...อย่างเร่งด่วน...
ต้องเร่งผลิตจำนวนมากมายมหาศาล...
- ต้องการแรงงาน...จำนวนมากมายมหึมา...
=> เราจะรับจ้างทำอะไรดี...
5. หลังวิกฤติ...คนทั้งประเทศ...จะโศกเศร้าเสียใจ...อยู่ในอาการซึมเศร้า...
ต้องการการบำบัดเยียวยาจิตใจ...ครั้งมโหฬาร...
- จะเกิดความต้องการ...
- ทีมนักจิตวิทยา...
- สื่อวิทยุ...โทรทัศน์...
- หนังสือ...
- ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ...
- การให้คำปรึกษา...เรื่องปัญหาสุขภาพจิต
- การดูแลจิตใจ...
- ปลุกพลัง...ให้ลุกขึ้นสู้ชีวิตอีกครั้ง...
- คลายเครียด...คลายทุกข์...สนุกสนาน...เฮฮา...
- ธรรมะ...ที่ทำให้หายทุกข์...หายเครียด...
- สื่อเหล่านี้...จะเป็นที่ต้องการมากมายมหาศาล...
=> ใครสามารถผลิตสื่อเหล่านี้ได้...
ก็จะร่ำรวยมโหฬารแบบไม่รู้ตัว...
เปลี่ยนวิกฤติ...ให้เป็นความร่ำรวย...
เห็นหรือยังครับว่า...
หลังเหตุการณ์วิกฤติน้ำท่วมใหญ่เมืองไทย...
=> โอกาสเยอะแยะมากมายมหาศาล...มันรอคุณอยู่...
ขอเพียงแค่คุณเลือกว่า...
=> คุณจะเข้าไปทำธุรกิจอะไร...
คุณจะเลือกความร่ำรวยมโหฬารขนาดไหนก็ได้...
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...มันรอคุณอยู่แล้ว...หลังน้ำลด...
รอเพียงแต่ว่า...
คุณจะตัดสินใจเดินไปหยิบมันใส่กระเป๋าคุณ...เมื่อไร...
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...
และร่ำรวยความสุข...ครับ...
สมคิด ลวางกูร
วลีกวนตา วาจากวนตีน
samakidaa@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น